เทคนิคตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์ให้ลูกค้าจำไม่ลืม พร้อม 50 ไอเดียชื่อแบรนด์เก๋ ๆ ที่ไม่ควรพลาด!

Last updated: 28 พ.ย. 2567  |  196 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มือทาครีม

การตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์ก็เหมือนกับการสร้างตัวตนที่ชัดเจนให้กับธุรกิจของเรา เพราะชื่อแบรนด์เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสและจดจำ ไม่ใช่แค่ชื่อเรียกธรรมดา แต่เป็นตัวแทนที่สื่อถึงคุณภาพ ความพิเศษ และเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ชื่อแบรนด์ที่ดีจะช่วยสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของเราได้ในระยะยาว ซึ่งคำถามที่มักเกิดขึ้นเมื่อตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์ ก็มีจะเรื่องชื่อที่ตั้งไปแล้วจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ จะผ่านการรับรองจาก อย. ไหม? และชื่อนี้จะสามารถสร้างความแตกต่างและเป็นที่จดจำในใจของผู้บริโภคได้หรือไม่? นี่คือประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ชื่อแบรนด์ใด ๆ ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นชื่อที่จะอยู่คู่กับแบรนด์เราไปยาว ๆ เราไปดูเทคนิคต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณเลือกชื่อแบรนด์สกินแคร์ได้ถูกใจที่สุดกัน!

 

แชร์ 4 เทคนิคการตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์ที่ดี จดจำง่าย ติดหูลูกค้า


1. ยึดหลักสากล 6 ตัวอักษร 3 พยางค์

แนวคิดการตั้งชื่อแบรนด์ให้มี 6 ตัวอักษร และ 3 พยางค์ เป็นแนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจ เพราะเชื่อกันว่ารูปแบบนี้จะช่วยให้ชื่อแบรนด์ดูสั้น กระชับ จดจำง่าย และมีความเป็นสากล เหมาะกับการนำไปใช้ในตลาดโลก ยกตัวอย่างชื่อแบรนด์ดังที่ใช้ทฤษฎีนี้ คือ Shiseido Maybelline และ Smooth E แต่ก็มีอีกหลายแบรนด์ที่เลือกใช้ชื่อแบรนด์ 2 พยางค์ เพื่อความสั้น กระชับ เข้าใจง่าย เช่น Dior Srichand และ Mistine

 

2. ชื่อแบรนด์ต้องสะท้อนตัวตนของแบรนด์

ชื่อแบรนด์สกินแคร์ที่ดีจะต้องสื่อถึงตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ให้ชัดเจน เพราะชื่อที่ดีจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร นอกจากนี้ ชื่อแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น เมื่อผู้บริโภคเห็นชื่อแบรนด์ พวกเขาจะนึกถึงคุณสมบัติและคุณค่าของแบรนด์นั้น ๆ ได้ทันที ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันและจงรักภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น เช่น แบรนด์ Bioderma ที่สื่อถึงความเป็น ชีวภาพ และ ผิวหนัง อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของแบรนด์ในการดูแลผิวตามกลไกทางธรรมชาติของผิวหนัง เพราะคำว่า Bio หมายถึง ชีวิต หรือสิ่งมีชีวิต และ Derma หมายถึง ผิวหนัง เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกัน จึงได้ชื่อ "Bioderma" ที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกับผิวหนังในระดับเซลล์ และช่วยให้ผิวหนังกลับมาสมดุลตามธรรมชาตินั่นเอง

 

3. ชื่อแบรนด์มี Storytelling ที่ดี

การมีเรื่องราวที่น่าสนใจ (Storytelling) ทำให้แบรนด์สกินแคร์ของคุณโดดเด่นและน่าจดจำยิ่งขึ้น สตอรี่ที่ดีจะดึงดูดลูกค้าให้สนใจและรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสร้างแรงบันดาลใจและความแตกต่างให้กับแบรนด์ ช่วยให้ลูกค้าจดจำและรู้สึกประทับใจในแบรนด์ได้อย่างยาวนาน สิ่งสำคัญ คือ สตอรี่ต้องมีความเป็นจริงและน่าเชื่อถือ ไม่จำเป็นต้องยาวเหยียด เพียงแค่สื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย โดยต้องสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ต้องการสื่อสาร

ยกตัวอย่าง 

  • Kiehl's Since 1851: แบรนด์สกินแคร์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 160 ปี เริ่มต้นจากร้านขายยาเล็ก ๆ ในนิวยอร์กซิตี้ สตอรี่ของ Kiehl's เน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการคิดค้นสูตรและส่วนผสมจากธรรมชาติ พร้อมทั้งการบริการลูกค้าที่เป็นกันเอง ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Kiehl's
  • Origins: แบรนด์สกินแคร์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ สตอรี่ของ Origins เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้พลังจากธรรมชาติในการบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ของ Origins ส่วนใหญ่มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • Innisfree: แบรนด์สกินแคร์จากเกาหลีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของเกาะเชจู สตอรี่ของ Innisfree เล่าถึงการนำส่วนผสมจากธรรมชาติของเกาะเชจู เช่น ชาเขียว และดอกคาเมเลีย มาใช้ในการผลิตสกินแคร์ เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก

 

4. สามารถจดทะเบียนได้ และไม่ผิดระเบียบของ อย.

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเป็นขั้นตอนสำคัญในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เป็นการช่วยยืนยันสิทธิในการเป็นเจ้าของชื่อแบรนด์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการละเมิด และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ Derma พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้นในการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์สกินแคร์ให้สอดคล้องกับกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง หรือสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา

 

หลักการสำคัญในการตั้งชื่อแบรนด์ที่ต้องคำนึงถึง

  • หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจสร้างความเข้าใจผิด: ชื่อแบรนด์ต้องไม่ใช้คำที่เกินจริงหรืออวดอ้างสรรพคุณเกินกว่าความเป็นจริง เช่น คำว่า "ดีที่สุด" หรือ "รับประกันผล" ที่อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดได้
  • ไม่ใช้ชื่อหรือคำที่อ้างอิงถึงยา: ชื่อแบรนด์ต้องไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นยา หรือมีสรรพคุณในการรักษาโรค เช่น ใช้คำว่า "ยา" "รักษา" หรือ "ป้องกัน" ไม่ได้
  • หลีกเลี่ยงคำที่ส่อเสียดหรือทำให้เข้าใจผิด: ชื่อแบรนด์ต้องไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม และต้องไม่เป็นคำที่มีความหมายเชิงลบที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้
  • ไม่ใช้ชื่อแบรนด์ที่คล้ายคลึงกับแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว: เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
  • ห้ามใช้ชื่อที่สื่อถึงส่วนผสมที่ไม่ได้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์: ไม่ควรใช้ชื่อที่สื่อถึงส่วนผสมที่ไม่ได้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์จริง เพื่อหลอกลวงผู้บริโภค เช่น สื่อถึงสารสเตียรอยด์  สื่อถึงสารปรอท ซึ่งเป็นสารอันตราย

 

ไอเดียตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์เก๋ ไม่ซ้ำใคร พร้อม 50 ตัวอย่างการตั้งชื่อแบรนด์

1. ชื่อแบรนด์สกินแคร์ที่สื่อถึงธรรมชาติและความบริสุทธิ์

  • Willow: หมายถึง ต้นหลิว สื่อถึงความยืดหยุ่น
  • Dewdrop: หมายถึง หยดน้ำค้าง สื่อถึงความสดชื่นและความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
  • Forest Glow: หมายถึง แสงสว่างในป่า สื่อถึงความอ่อนโยนและความกระจ่างใสของผิว
  • Mellow: หมายถึง อ่อนโยน สื่อถึงผิวที่เนียนนุ่ม
  • Zen Garden: หมายถึง ความสงบและความสมดุลจากสวนเซน
  • Earthly Essence: หมายถึง สาระสำคัญจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์และมีประสิทธิภาพ
  • Gaia Glow: Gaia เป็นชื่อเทพีแห่งโลกในเทพปกรณกรีก สื่อถึงพลังของธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย
  • Terra Luna: หมายถึง ดินและดวงจันทร์ สื่อถึงพลังงานจากธรรมชาติทั้งบนดินและบนฟ้า
  • Soluna: หมายถึง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สื่อถึงพลังงานจากธรรมชาติทั้งกลางวันและกลางคืน
  • Elysian: หมายถึง สวนสวรรค์ สื่อถึงความสุขและความบริสุทธิ์

 

2. ชื่อที่สื่อถึงความหรูหราและทันสมัย

  • Elixir: หมายถึง น้ำยาอายุวัฒนะ สื่อถึงความหรูหราและความมีประสิทธิภาพ
  • Luxe: หมายถึง ความหรูหรา สื่อถึงผลิตภัณฑ์ที่พิเศษและมีคุณภาพสูง
  • Enigma: หมายถึง ปริศนา สื่อถึงความลึกลับและน่าค้นหา
  • Empyrean: หมายถึง สวรรค์ สื่อถึงความสูงส่งและความเป็นอมตะ
  • Nova: หมายถึง ดาวฤกษ์ที่สว่างวาบ สื่อถึงความทันสมัยและความโดดเด่น
  • Prestige Pearl: หมายถึง ไข่มุกอันทรงเกียรติ สื่อถึงความมีค่าและความหายาก
  • Luxe Labs: หมายถึง ห้องปฏิบัติการแห่งความหรูหรา
  • Cyber Skin: หมายถึง ผิวในยุคไซเบอร์ สื่อถึงความทันสมัยและเทคโนโลยี
  • Divine Dew: หมายถึง น้ำค้างศักดิ์สิทธิ์ สื่อถึงความบริสุทธิ์และความอ่อนโยน
  • Mirage: หมายถึง ภาพลวงตา สื่อถึงความสวยงามที่น่าหลงใหล

 

3. ชื่อแบรนด์ที่สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเอง

  • Your Glow: หมายถึง แสงสว่างของคุณเอง สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเองและความมั่นใจ
  • Bare Beauty: หมายถึง ความงามที่เปลือยเปล่า สื่อถึงความงามตามธรรมชาติ
  • AuNaturel: หมายถึง ตามธรรมชาติ สื่อถึงความเป็นธรรมชาติและความเรียบง่าย
  • Younique: เน้นย้ำความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • Real You: เน้นย้ำความเป็นตัวของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
  • Nomad: สื่อถึงผู้ที่ชอบเดินทางและค้นหาสิ่งใหม่ ๆ
  • Wanderlust: สื่อถึงความอยากออกเดินทางและค้นพบ
  • Rebel Skin: สื่อถึงการกบฏต่อมาตรฐานความงามทั่วไป
  • Your Skin, Your Rules: สื่อถึงอิสระในการดูแลผิวของตัวเอง
  • Wild Heart: สื่อถึงความงามที่ไม่ต้องตามกรอบ

 

4. ชื่อแบรนด์ที่สร้างจากคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์

  • Biolume: Bio (ชีวิต) และ Luminescence (การเรืองแสง) สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความกระจ่างใสของผิว
  • Phytolux: Phyto (พืช) และ Lux (แสง) สื่อถึงพลังแห่งธรรมชาติที่ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย
  • AquaVera: Aqua (น้ำ) และ Vera (จริง) สื่อถึงความบริสุทธิ์และความจริงใจ
  • Bio Renew: Bio (ชีวภาพ) และ Renew (การฟื้นฟู) สื่อถึงการฟื้นฟูทางชีวภาพ
  • Quantum Youth: Quantum (ควอนตัม) และ Youth (ความอ่อนเยาว์) สื่อถึงความอ่อนเยาว์ในระดับควอนตัม
  • CosmoDerm: Cosmo (จักรวาล) และ Derm (ผิวหนัง) สื่อถึงการดูแลผิวที่ครอบคลุมทุกมิติ
  • NeuroCalm: Neuro (ประสาท) และ Calm (สงบ) สื่อถึงการผ่อนคลายและลดความเครียดของผิว
  • OxyGen: Oxy (ออกซิเจน) และ Gen (เกิด) สื่อถึงการเติมออกซิเจนให้กับผิว
  • VitaLum: Vita (ชีวิต) และ Lum (แสง) สื่อถึงพลังชีวิตที่ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง
  • ChronoRepair: Chrono (เวลา) และ Repair (ซ่อมแซม) สื่อถึงการซ่อมแซมผิวที่เกิดจากการทำลายของเวลา

 

5. ชื่อแบรนด์ที่สร้างจากภาษาต่างประเทศ

  • Lumiere: (ภาษาฝรั่งเศส) หมายถึง แสง สื่อถึงความสว่างไสว
  • Aura: (ภาษาละติน) หมายถึง รัศมี สื่อถึงความมีออร่า
  • Seren: (ภาษาละติน) หมายถึง สงบ สื่อถึงความสงบสุขและผ่อนคลาย
  • Kaori: (ภาษาญี่ปุ่น) หมายถึง กลิ่นหอมที่เย้ายวน
  • Miin: (ภาษาเกาหลี) หมายถึง ความสวยงาม
  • Venera: (ภาษาละติน) Venus หมายถึง เทพีแห่งความรักและความงาม สื่อถึงความสวยงามและความเย้ายวน
  • Elegantia: (ภาษาละติน) หมายถึง ความสง่างามและความหรูหรา
  • Éclat de Beauté: (ภาษาฝรั่งเศส) หมายถึง แสงแห่งความงาม (Eclat = แสงสว่าง, Beauté = ความงาม)
  • Bosque: (ภาษาสเปน) หมายถึง ป่า สื่อถึงความเงียบสงบและความเป็นธรรมชาติ
  • Laila: (ภาษาอาหรับ) หมายถึง คืน สื่อถึงความลึกลับและความสงบ

 

ชื่อแบรนด์คือภาพลักษณ์ คุณภาพจาก Derma คือหัวใจ

การตั้งชื่อแบรนด์สกินแคร์ให้โดนใจก็เหมือน First Impression ระหว่างแบรนด์และลูกค้า แต่สิ่งที่เป็นหัวใจทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาซื้อซ้ำ นั่นก็คือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ การเลือกโรงงานผลิตครีม เครื่องสำอาง สบู่ และอาหารเสริมแบบครบวงจรที่ได้มาตรฐานอย่าง Derma จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ Derma Innovation ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์คุณมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจลูกค้าอีกด้วย ทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้