ไปต่ออย่างไรดี เมื่อแบรนด์ถึงทางตัน

ไปต่ออย่างไรดี

เมื่อ แบรนด์ถึงทางตัน

      การทำธุรกิจแน่นอนว่าทุกคนอยากให้ธุรกิจ หรือแบรนด์ของตัวเองมีแต่ความราบรื่น กราฟผลกำไรทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครจะอยากเห็นกราฟดิ่งลง จริงไหมคะ?

แต่ในโลกของความเป็นจริงมันก็ไม่ได้สวยงามขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่กราฟธุรกิจจะต้องมีขึ้น และลงตามวัฏจักร เพราะเมื่อเวลาผ่านไปปัจจัยทางธุรกิจก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ความสามารถ หรือจำนวนของคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้น

แล้วถ้าเส้นทางของธุรกิจที่เคยดี ก็เหมือนจะเริ่มเดินทางมาถึงทางตัน ยอดขายที่เคยได้ กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง เราในฐานะเจ้าของแบรนด์จะทำอย่างไรดี เพื่อให้แบรนด์ของเราเดินต่อไปได้...

“การ Rebranding ช่วยได้ค่ะ”

Rebranding คืออะไร

การรีแบรนด์  คือ  การปรับภาพลักษณ์, รูปแบบ, ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจใหม่ โดยควรที่จะสอดคล้องกันทั้งหมด ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากปรับแล้วก็สร้างภาพจำใหม่ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ใครบ้างควร Rebranding

แบรนด์สินค้าหรือบริการที่ควร Rebranding ก็คือ

แบรนด์ที่ลูกค้ายึดติดกับสินค้าหนึ่งมากเกินไป
หากลูกค้าจดจำแต่สินค้าใดสินค้าหนึ่งของแบรนด์มากเกินไป จนความต้องการไม่ครอบคลุมสินค้าอื่นๆ เช่น แบรนด์สกินแคร์ที่ลูกค้ายึดติดกับสินค้าประเภท Anti - Aging มากเกินไป  จนไม่รู้ว่าแบรนด์นั้นมีสินค้า Sunscreen ขายด้วย ทำให้ไม่สามารถขาย Sunscreen ได้

แบรนด์ที่ยังไม่มีความชัดเจนในตัวตน
ก็คือแบรนด์ที่ยังไม่มีความเป็นตัวตนชัดเจน ทำให้ลูกค้าจดจำไม่ได้นั่นเองค่ะ

เมื่อไรที่ควร Rebranding

• เมื่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป
  
• เมื่อกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เปลี่ยน
  
• เมื่อเพิ่มไลน์สินค้า จนมีความหลากหลายมากขึ้น
  
• เมื่อมีสัญญาณว่ากำลังจะถูกธุรกิจอื่น Disrupt
  
• เมื่อลูกค้าสับสนแบรนด์เรา กับแบรนด์อื่น
  
• เมื่อมีการควบรวมกิจการกับแบรนด์อื่น
  
• เมื่อแบรนด์ต้องการส่งออกต่างประเทศ
  

เมื่อเรารู้แล้วว่าการ Rebranding คืออะไร ใคร และเมื่อไรควร Rebranding วันนี้มิสเดอร์มาจะขอยกเคสตัวอย่างการรีแบรนด์ของ 3 แบรนด์ยักษ์ของโลก เพื่อเป็นแนวทางให้เจ้าของแบรนด์ทั้งหลายนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของแบรนด์ตัวเองค่ะ

1. Starbucks
       ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่คนนิยมกินกันแบบสุดๆ ก็เคยผ่านวิกฤติจนต้อง Rebrand มาแล้วเหมือนกันค่ะ
       ย้อนไปเมื่อครั้ง Hamburger Crisis ในปี 2008 เครื่องดื่มกาแฟกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย  ทำให้กำไรของสตาร์บัคส์ลดลงไปถึง 96% จนต้องปิดสาขาในอเมริกาถึง 676 สาขา ผู้บริหารสตาร์บัคส์ในขณะนั้นได้ตัดสินใจ Rebrand โดยปรับภาพลักษณ์ให้สตาร์บัคส์กลายเป็นผู้นำด้านรสชาติของกาแฟ รวมไปถึงการปรับบรรยากาศ และบริการของร้านใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการ Rebrand ครั้งนี้ก็คือ  การขยายขนาดนางเงือกไซเรน ในโลโก้ให้ใหญ่ขึ้น และตัดคำว่า Coffee ออกจากชื่อเพื่อสื่อสารว่าต่อจากนี้ไป สตาร์บัคส์จะไม่ใช่แค่ร้านกาแฟอีกต่อไป และพร้อมแล้วที่จะแตกไลน์ไปยังสินค้าอื่น ซึ่งถ้าถามว่าได้ผลไหม...ทุกท่านคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะค่ะ

2. MARVEL
       จากผู้สร้าง Comic ที่ครองใจคอการ์ตูนมากว่า 60 ปี MARVEL COMIC ก็ได้พาตัวเองเข้าสู่ธุรกิจของเล่น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเส้นทางธุรกิจไม่ได้สวยหรูและทำกำไรไม่ได้มากอย่างที่คิด แต่มันย่ำแย่จนถึงขั้นต้องยื่นขอล้มละลายเลยทีเดียว แต่สุดท้าย MARVEL ก็ได้ Rebrand ตัวเองจาก MARVEL COMIC มาเป็น MAVEL STUDIOS โดยในระยะแรกได้ใช้การขายลิขสิทธิ์ให้ Studio อื่น  นำ Comic ของตัวเองไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ก่อนที่ MARVEL STUDIOS จะสร้างภาพยนตร์เองเป็นเรื่องแรก  นั่นก็คือ Iron Man 1 และก็ประสบความสำเร็จกอบโกยเงินได้อย่างมากมายมาตลอด 10 ปีต่อเนื่องกันในหนังฮีโร่แทบจะทุกเรื่องเลยทีเดียวค่ะ

3. Converse
       รองเท้าแฟชั่นแนววินเทจที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าได้เคยทำการ Rebrand กับเขาด้วยเหรอ เพราะภาพจำของเราเกี่ยวกับ Converse ก็เป็นแบบนี้มาตลอด
       ต้องบอกว่านี่คือเหตุผลที่ยกรองเท้า Converse มาเป็นกรณีศึกษาเลยค่ะ เพราะการ Rebrand ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสินค้าใหม่, เพิ่มไลน์สินค้า หรือเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองใหม่แบบ 2 ตัวอย่างด้านบนเสมอไป แต่ก็อาจจะเป็นการตอกย้ำความเป็นตัวเองให้ชัดขึ้น ชัดขึ้น และชัดขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ
       Converse เคยประสบวิกฤติจนถึงขั้นล้มละลายมาแล้ว  แต่ก็กลับมามีที่ยืนในตลาดได้อีกครั้งหลังการเทคโอเวอร์ของ Nike โดยใช้การตอกย้ำความเป็นรองเท้าแฟชั่นแนววินเทจที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้มาเป็นจุดแข็ง จนทำให้กลับมายืนในตลาดแฟชั่นได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ

       อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านที่เป็นเจ้าของแบรนด์อยู่แล้วคงเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นแล้วว่าแบรนด์ของตัวเองควรจะต้อง Rebrand หรือยัง และถ้าถึงเวลาแล้วควรจะกำหนดทิศทางใหม่ไปทางไหน เพื่อผ่าทางตันของธุรกิจ

และถ้าหากคิดเองแล้วยังไม่ได้คำตอบ เดอร์มา อินโนเวชั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ Skincare มาแล้วกว่า 3,000 แบรนด์  ทั้งแบรนด์ดารา เซเลบริตี้มากมาย  ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ พวกเราเป็นมากกว่าโรงงาน ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตแต่พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่เดินไปพร้อมๆ  กับธุรกิจของคุณค่ะ

แหล่งข้อมูล : https://www.krungsri.com
 

คลิกดูมาตรฐานของเดอร์มา อินโนเวชั่น 

www.derma-innovation.com/our-standard